วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

สุภาษิตและสำนวน ไทย และฝรั่งเศส
Tout n'est pas rose dans la vie." การดำเนินชีวิตย่อมมีอุปสรรค(ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ)


"Mange pour vivre, et ne vis pas pour manger .กินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน

"La conscience fait de nous tous des lâches." วัวสันหลังหวะ

"Les murs ont des oreilles."กำแพงมีหูประตูมีช่อง
"Un homme n'est rien sans les manières" กิริยาบอกตระกูล

"Mieux vaut prévenir que guérir." กันไว้ดีกว่าแก้
"La belle plume fait le bel oiseau." ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
"Les mauvaises nouvelles se répandent vite." ข่าวร้ายไปเร็ว
"Tout ce qui brille n'est pas or" ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง
"Entrer par une oreille et sortir par l'autre." เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา
"L'amour est aveugle." ความรักทำให้ตาบอด
"L'argent ne fait pas le bonheur" เงินซื้อความสุขไม่ได้
"Toutes les bonnes choses ont une fin." งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา,(ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกรา)
"Il n'est pire eau que l'eau qui dort" น้ำนิ่งไหลลึก
"Le stylo est plus puissant que l'épée." ปากกามีอำนาจมากกว่าดาบ
"Miel dans la bouche et un rasoir à la ceinture." ปากหวานก้นเปรี้ยว

"La Vie n'est pas juste." ฝนตกไม่ทั่วฟ้า

วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

How Deep Is Your Love - Bee Gees ~

I know your eyes in the morning sun

I feel you touch me in the pouring rain

And the moment that you wander far from me

I wanna feel you in my arms again

And you come to me on a summer breeze

Keep me warm in your love and then softly leave

And its me you need to show

Chorus:


How deep is your love

I really need to learn

cause were living in a world of fools

Breaking us down

When they all should let us be

We belong to you and me

I believe in you

You know the door to my very soul

Youre the light in my deepest darkest hour

Youre my saviour when I fall

And you may not think

I care for you

When you know down inside

That I really do

And its me you need to show


Chorus---Repeat and fade


รักเธอจริงใจแค่ไหน


ฉันพบเธออยู่ท่ามกลางแสงแดด

ที่สาดส่องมายามรุ่งอรุณ

ฉันรู้สึกถึงรสสัมผัสจากเธอ

ในขณะที่สายฝนกำลังร่วงหล่น

และในยามที่เธอต้องห่างไกล

จากฉันไปเช่นนี้

มันทำให้ฉันต้องการโอบเธอไว้

ในอ้อมแขนอีกครั้ง

และแล้วเธอก็ได้หวนกลับมาหาฉัน

มอบความรักความอบอุ่นให้กับหัวใจดวงนี้

แล้วเธอก็เดินจากฉันไปอย่างช้าๆ

ฉันจึงอยากให้เธอได้แสดงออกให้ฉันได้รับรู้บ้าง

ว่ารักของเธอนั้นจริงใจแค่ไหน

ฉันเองต้องการที่จะเรียนรู้กับคำๆนี้

เราเองก็ต่างว่ายวน

อยู่ในโลกของคนโง่

ที่นำแต่ความผิดหวังมาให้

ทั้งๆที่มันไม่ควรเป็นอย่างนั้น

ฉันเอง...มีความเชื่อว่า

เธอคือคนที่เข้าใจฉัน

เป็นแสงสว่าง

ในยามที่ฉันพบความมืดมน

เป็นผู้ปลอบโยนในยามที่ฉันผิดพลั้ง

เธอเองอาจไม่รู้

ว่าฉันแคร์เธอมากแค่ไหน

และเธอก็ควรแสดงออกมาให้ฉันได้รับรู้

วันครู

ความหมาย
ครู หมายถึง ผู้อบรมสั่งสอน; ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมและประเทศชาติ

ความเป็นมา
วันครูได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๐ สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๘ ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภาเป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษา ควบคุมจรรยาและวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครูและครอบครัวได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู ด้วยเหตุนี้ในทุก ๆ ปี คุรุสภาจะจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา และซักถามปัญหาข้อข้องใจต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัยสถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุมสามัคคยาจารย์ หอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระยะหลังใช้หอประชุมคุรุสภา ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า“ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าวันครูควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บันดาลูกศิษย์ทั้งหลาย ได้แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับคนทั่วไปถ้าถึงวันตรุษ วันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง” จากแนวความคิดนี้ กอปรกับความคิดเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่น ๆ ที่ล้วนเรียกร้องให้มีวันครูเพื่อให้เป็นวันแห่งการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ ประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้พิจารณาเรื่องนี้และมีมติเห็นควรให้มีวันครูเพื่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครูและเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครูกันประชาชน ในที่สุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ ให้วันที่ ๑๖ มกราคมของทุกปีเป็น “วันครู” โดยเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๘ เป็นวันครูและให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าวได้

การจัดงานวันครู
การจัดงานวันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๐ ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติเป็นที่จัดงาน งานวันครูนี้ได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูไว้แก่อนุชนรุ่นหลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญคือ หนังสือประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู และสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุ

การจัดงานวันครูได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกิจกรรม ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมตลอดเวลา ในปัจจุบันได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครู จะมีกิจกรรม ๓ ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้ 1. กิจกรรมทางศาสนา
2. พิธีรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตน การกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์
3. กิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู ส่วนมากเป็นการแข่งขันกีฬาหรือการจัดงานรื่นเริงในตอนเย็น

ปัจจุบันการจัดงานวันครู ได้มีการกำหนดให้จัดพร้อมกันทั่งประเทศ สำหรับในส่วนกลางจัดที่หอประชุมคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการจัดงานวันครู ซึ่งมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ประกอบด้วยบุคคลหลายอาชีพร่วมกันเป็นผู้จัด สำหรับส่วนภูมิภาคมอบให้จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ โดยตั้งคณะกรรมการจัดงานวันครูขึ้นเช่นเดียวกับส่วนกลางจะจัดรวมกันที่จังหวัดหรือแต่ละอำเภอก็ได้
รูปแบบการจัดงานในส่วนกลาง (หอประชุมคุรุสภา) พิธีจะเริ่มตั้งแต่เช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภา คณะกรรมการอำนวยการคุรุสภา คณะกรรมการจัดงานวันครู พร้อมด้วยครูอาจารย์และประชาชนร่วมกันใส่บาตรพระสงฆ์ จำนวน ๑,๐๐๐ รูป หลังจากนั้นทุกคนที่มาร่วมงานจะเข้าร่วมพิธีในหอประชุมคุรุสภา นายกรัฐมนตรีเดินทางมาเป็นประธานในงาน ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ นายกรัฐมนตรีบูชาพระรัตนตรัย ประธานสงฆ์ให้ศีล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวรายงานต่อนายกรัฐมนตรี เสร็จแล้วพิธีบูชาบูรพาจารย์โดยครูอาวุโสนอกประจำการจะเป็นผู้กล่าวนำพิธีสวดคำฉันท์รำลึกถึงประคุณบูรพาจารย์

วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2554

กุหลาบ

กุหลาบแดง หมายถึง ความรักและความปรารถนา
เป็นดอกไม้ของคิวปิคและอีรอส (คุณกามเทพไง) เป็นสิ่งนำโชคมาสู่ผู้หญิงที่ได้รับ

กุหลาบขาว หมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์
ความเงียบสงบ และนำโชคมาสู่ผู้หญิงที่ได้รับเช่นเดียวกับดอก กุหลาบแดง

กุหลาบสีชมพู หมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์ที่สุด

กุหลาบสีเหลืองหรือสีส้ม หมายถึง ความรักร้อนแรงและยาวนาน ไม่จืดจาง หวานชื่น และมีความสุข

กุหลาบตูม หมายถึง ความรักและความเยาว์วัย

กุหลาบบาน หมายถึง ความรักที่กำลังเบ่งบาน ความอ่อนหวาน สดชื่น

วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554

คำขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2554
รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ

ทั้ง ๓ ด้านนี้มีความสำคัญกับเด็กๆในภาวะปัจจุบันมาก
รอบคอบ” ปัจจุบันมีทางเลือกที่จะรับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อใหม่ต่าง ๆ ต้องรู้รอบด้าน ไม่เป็นเหยื่อรู้เท่าไม่
ถึงการณ์จนเกิดปัญหาแก่ตนเองและสังคม
รู้คิด” เรียนรู้รอบด้านแล้วต้องรู้จักคิดใช้ชีวิตอย่างมีสติไม่ประมาท ผมจึงอยากให้น้องๆเด็กๆรู้จักคิดให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น
มีจิตสาธารณะ” สังคมต้องพึ่งพิงกันเห็นได้ในยามมีภัยคนไทยเราช่วยกัน การปลูกฝังจิดสำนึกเช่นนี้จำเป็นอย่างยิ่งในสังคมเริ่มที่น้องๆเยาวชน
ความเป็นมา
วันเด็กแห่งชาติ ตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี ปี พ.ศ.2554 ตรงกับวันที่ 8 มกราคม 2554
งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม พ.ศ. 2498 ตามคำเชิญชวนของ นายวี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ
เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติรัฐบาลได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นทุกปีในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมจนถึง พ.ศ. 2506 และใน พ.ศ. 2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทัน จึงได้เริ่มจัดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2508 โดยเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงหมดฤดูฝนและเป็นวันหยุดราชการ จนถึงทุกวันนี้ (เป็นวันหยุดราชการที่ไม่มีการชดเชย)