วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

สบายดี เชียงคาน หลวงพระบาง ประเทศไทย

เชียงคาน เมืองน่าท่องเทียวแห่งใหม่? ของ พ.ศ. นี้? อำเภอเชียงคาน น่าสนใจด้วยวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวไทยเชื้อสายลาว ละม้ายคล้ายคลึง กับ หลวงพระบาง ประเทศลาว จนอาจจะกล่าวได้ว่า “หลวงพระบาง ประเทศไทย” ที่จังหวัดเลย เชียงคาน อำเภอหนึ่งของจังหวัดเลย อยู่ชายแดนภาคอีสาน ของประเทศไทย เขตติดต่อไปยังประเทศลาว มีแม่น้ำโขงกั้นระหว่างสองประเทศ คนที่นี่ดั้งเดิมที่นี่ส่วนหนึ่งย้ายถิ่นฐานมาจากประเทศลาวเมื่อครั้งในอดีต เชียงคานเคย เป็นเมืองที่รุ่งเรืองมากในอดีตเมื่อครั้งการเดินทางยังต้องใช้เรือในการ เดินทางด้วยความที่เป็นเมืองท่า แต่กลับต้องซบเซาลงจากการแทนที่ของยานพาหนะทางบกและทางอากาศที่เข้ามาแทนที่ ที่นี่มีหลายสิ่งอย่างที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยของอดีตที่น่าสนใจเอาไว้

ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย

สบายดี เชียงคาน เมืองน่าท่องเทียวแห่งใหม่? ของ พ.ศ. นี้ ช่วงนี้สถานที่ท่องเที่ยว รูปแบบท่องเที่ยวไปตามหมู่บ้าน ? สบายดี เชียงคาน หลายคนคงจะชอบบรรยากาศท่องเที่ยวต่างจังหวัด หลีกหนีความแออัดจากการใช้ชีวิตประจำวันเข้าสู่บรรยากาศของชุมชนที่อยู่ท่าม กลางธรรมชาติ และทำให้สถานที่แห่งหนึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จนล้นๆๆ ด้วยผู้คนจำนวนมากเมื่อเทศกาลท่องเที่ยวหรือวันอยุดยาวมาถึง นั่นก็คงจะพอรู้จักกันดีอย่าง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน จนมาถึงวันนี้มีสถานที่แบบเดียวกันนี้ถูกค้นพบขึ้นมาใหม่อีกที่หนึ่งนั่นคือ อ.เชียงคาน จ.เลย ที่กำลังได้รับความนิยมขึ้นมาเรื่อยๆ จนเกิดการชั่งใจว่า ปาย หรือ เชียงคาน ดี เชียงคานมีบรรยากาศ เหมือนเมื่อวันวานของปายที่ความเจริญยังไม่เข้ามาบุกรุก ด้วยบรรยากาศของการใช้ชีวิตของชาวบ้านกับบ้านไม้ที่สร้างเรียงรายกันริม น้ำโขง สัมผัสกับหมอกยามเช้า ใครชอบบรรยาศของปาย ที่นี่พลาดไม่ได้เช่นกัน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย

การเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย

เดินทางออกจากตัวอำเภอเมืองจังหวัดเลย วิ่งไปทางทิศเหนือบนเส้นทางหลวงหมายเลข 201 ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะเห็นป้ายบอกทางไป อ. เชียงคาน

ภาพบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

เวนิสวาณิช

เวนิสวาณิช (อังกฤษ: The Merchant of Venice) เป็นบทละครของวิลเลียม เชกสเปียร์ ซึ่งเชื่อว่าแต่งขึ้นในราวปี ค.ศ. 1596-1598 จัดอยู่ในประเภทละครชวนหัว แต่ต่อมาก็ได้รับการยอมรับให้เป็นวรรณกรรมโรแมนติกในบรรดาผลงานของเช็ค สเปียร์ทั้งหมด เนื่องจากมีฉากรักที่โดดเด่นมาก และความโด่งดังของตัวละคร ไชล็อก

The Merchant of Venice ได้แปลเป็นภาษาไทยครั้งแรกโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์แปลเป็นกลอนบทละครในปี พ.ศ. 2459 นอกจากนี้ยังมี เวนิสวาณิช ฉบับการ์ตูน เรียบเรียงโดย ชลลดา ชะบางบอน

บทที่มีชื่อเสียงในเรื่องนี้ก็คือ

The quality of mercy is not strain'd,
It droppeth as the gentle rain from heaven

พระราชนิพนธ์แปลความว่า

อันว่าความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน

และอีกบทหนึ่งที่มีชื่อเสียงมาก คือ

Tell me where is fancy bred,
Or in the heart, or in the head?

How begot, how nourished?

Reply, reply.

It is engender'd in the eyes,

With gazing fed; and fancy dies

In the cradle where it lies.

Let us all ring fancy's knell

I'll begin it,--Ding, dong, bell

พระราชนิพนธ์แปลความว่า

ความเอยความรัก เริ่มสมัครชั้นต้น ณ หนไหน
เริ่มเพาะเหมาะกลางหว่างหัวใจ หรือเริ่มในสมองตรองจงดี
แรกจะเกิดเป็นไฉนใครรู้บ้าง อย่าอำพรางตอบสำนวนให้ควรที่
ใครถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรตี ผู้ใดมีคำตอบขอบใจเอย

ตอบเอยตอบถ้อย เกิดเมื่อเห็นน้องน้อยอย่าสงสัย
ตาประสบตารักสมัครไซร้ เหมือนหนึ่งให้อาหารสำราญครัน
แต่ถ้าแม้สายใจไม่สมัคร เหมือนฆ่ารักเสียแต่เกิดย่อมอาสัญ,
ได้แต่ชวนเพื่อนยามาพร้อมกัน ร้องรำพันสงสารรักหนักหนาเอย

ตัวละครหลัก

  • อันโตนิโย (Antonio) พ่อค้าวาณิชชาวเวนิส
  • บัสสานิโย (Bassanio) เพื่อนของอันโตนิโย
  • ไชล็อก (Shylock) พ่อค้าชาวยิว คู่ปรับของอันโตนิโย
  • ปอร์เชีย (Portia) สาวงาม ต่อมาได้แต่งงานกับบัสสานิโย
  • เจสสิกา (Jessica) ลูกสาวของไชล็อก

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของลูกพลับ

...วันนี้เราของนำความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ในเรื่องสรรพคุณของลูกพลับและประโยชน์ของลูกพลับ เมื่อพูดถึงลูกพลับอาจจะมีคนไทยหลาย ๆ คนไม่ค่อยรู้จักมากมายนัก แต่ถ้าพูดถึงคนไทยเชื้อสายจีนหรือคนจีนลูกพลับจัดเป็นที่รู้จักดีกันเลยทีเดียวค่ะ แต่วันนี้คุณ ๆ กำลังจะได้รู้จักกับ สรรพคุณของลูกพลับ และ ประโยชน์ของลูกพลับ กันมากยิ่งขึ้น ว่าเจ้าผลไม้ชนิดมีประโยชน์ต่อร่างกายน่ารับประทานขนาดไหนกันน๊า...มีหลาย ๆ คนบอกว่าได้ทานลูกพลับแล้วเป็นที่อร่อยถูกปากมากมายค่ะ นั้นเรามาทำความรู้จักกับ สรรพคุณของลูกพลับ และ ประโยชน์ของลูกพลับ กันให้มากขึ้นกันเลยดีกว่า...

ลูกพลับ เป็นผลไม้ลูกเล็ก ๆ เปลือกมีสีเหลืองทองอร่าม เนื้อหวาน กรอบ อร่อย และทำให้หลาย ๆ คนหลงใหล แม้จะเป็นผลไม้ที่นำเข้ามาจากประเทศจีน แต่ปัจจุบันประเทศไทยก็มีปลูกบ้างแล้วอย่างจังหวัดเชีงราย แต่ผลที่ออกมาก็ยังไม่เป็นที่ถูกอกถูกใจเท่าลูกพลับจากจีนอยู่ดี

คุณประโยชน์ชองลูกพลับ ก็คือ ช่วยลดอาการปวดท้องที่เกิดจากความเย็น เช่น ปวดประจำเดือน ปวดโรคบิด ทั้งยังแก้ไอหรือเจ็บคอได้อีกด้วย

แต่ที่เป็นจุดเด่นที่สุดของลูกพลับก็คือ สรรพคุณของลูกพลับสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ เพียงแค่กินวันละลูกก็ช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้ และไม่เพียงลูกพลับสดเท่านั้นที่มีประโยชน์ ลูกพลับแห้งก็เช่นกันเพราะสามารถช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น และผู้ที่ท้องอืด จุกเสียด แน่นเฟ้อ ลูกพลับแห้งก็ช่วยบรรเทาอาการได้เป็นอย่างดี

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554

น้ำส้มควันไม้


น้ำส้มควันไม้ ควันที่เกิดจากการเผาถ่านในช่วงที่ไม้กำลังเปลี่ยนเป็นถ่านเมื่อทำให้เย็นลงจนควบแน่น
แล้วกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ของเหลวที่ได้นี้เรียกว่า น้ำส้มควันไม้ มีกลิ่นไหม้ ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นกรดอะซิติก
มีความเป็นกรดต่ำ มีสีน้ำตาลแกมแดง นำน้ำส้มควันไม้ที่ได้ทิ้งไว้ในภาชนะพลาสติกประมาณ 3 เดือน
ในที่ร่ม ไม่สั่นสะเทือนเพื่อให้น้ำส้มควันไม้ที่ได้ตกตะกอนและแยกตัวเป็น 3 ชั้น คือ น้ำมันเบา (ลอยอยู่ผิวน้ำ)
น้ำส้มไม้ และน้ำมันทาร์ (ตกตะกอนอยู่ด้านล่าง) แยกน้ำส้มควันไม้มาใช้ประโยชน์ต่อไป

ประโยชน์และการนำน้ำส้มควันไม้ไปใช้ประโยชน์

น้ำส้มควันไม้มีสารประกอบต่างๆ มากมาย เมื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตรจะมีคุณสมบัติ เช่น เป็นสารปรับปรุงดิน สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช และสารเร่งการเติบโตของพืช นอกจากนี้ มีการนำน้ำส้มควันไม้
ไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรม เช่น ใช้ผลิตสารดับกลิ่นตัว ผลิตสารปรับผิวนุ่ม ใช้ผลิตยารักษาโรคผิวหนัง เป็นต้น

เนื่องจากน้ำส้มควันไม้มีความเป็นกรดสูง ดังนั้นก่อนที่จะนำไปใช้ควรจะนำมาเจือจางให้เกิดสภาวะที่เหมาะสม
กับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน ดังนี้

อัตราส่วน 1: 20 (ผสมน้ำ 20 เท่า) พ่นลงดินเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่เป็นประโยชน์และแมลงในดิน
ซึ่งควรทำก่อนการเพาะปลูก 10 วัน
อัตราส่วน 1: 50 (ผสมน้ำ 50 เท่า) พ่นลงดินเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำลายพืช หากใช้ความเข้มข้นที่มากกว่านี้
รากพืชอาจได้รับอันตรายได้
อัตราส่วน 1: 100 (ผสมน้ำ 100 เท่า) ราดโคนต้นไม้รักษาโรครา และโรคเน่า รวมทั้งป้องกันแมลงมาวางไข่
อัตราส่วน 1: 200 (ผสมน้ำ 200 เท่า) พ่นใบไม้รวมทั้งพื้นดินรอบๆ ต้นพืชทุกๆ 7-15 วัน เพื่อขับไล่แมลงและ
ป้องกันเชื้อรา และรดโคนต้นไม้เพื่อเร่งการเจริญเติบโต
อัตราส่วน 1: 500 (ผสมน้ำ 500 เท่า) พ่นผลอ่อน หลังจากติดผลแล้ว 15 วัน ช่วยขยายผลให้โตขึ้นและพ่นอีกครั้ง
ก่อนเก็บเกี่ยว 20 วัน เพื่อเพิ่มน้ำตาลในผลไม้
อัตราส่วน 1: 1,000 (ผสมน้ำ 1,000 เท่า) เป็นสารจับใบ เนื่องจากสารเคมีสามารถออกฤทธิ์ได้ดีในสารละลาย
ที่เป็นกรดอ่อนๆ ช่วยเสริมประสิทธิภาพของสารเคมีทำให้สามารถลดการใช้สารเคมีมากกว่าครึ่งด้วย

ลักษณะสีของน้ำส้มควันไม้ที่ผสมน้ำในอัตราส่วนต่างๆ


การนำน้ำส้มควันไม้ ไปใช้ด้านอื่นๆ

นอกจากการนำไปใช้ทางด้านเกษตรและปศุสัตว์แล้ว ยังสามารถนำน้ำส้มควันไม้ไปใช้ด้านอื่นๆ ได้อีก เช่น
1.ความเข้มข้น 100 เปอร์เซ็นต์ ใช้รักษาแผลสด แผลถูกน้ำร้อน รักษาโรคน้ำกัดเท้าและเชื้อราที่ผิวหนัง
2.น้ำส้มควันไม้ผสมน้ำ 20 เท่า ราดทำลายปลวดและมด
3.น้ำส้มควันไม้ผสมน้ำ 50 เท่า ใช้ป้องกันปลวก มด และสัตว์ต่างๆ เช่น ตะขาบ แมงป่อง
4.น้ำส้มควันไม้ผสมน้ำ 100 เท่า ใช้ฉีดพ่นถังขยะเพื่อป้องกันกลิ่นและแมลงวัน ใช้ดับกลิ่นในห้องน้ำ ห้องครัวและ
บริเวณชื้นแฉะ

ข้อควรระวังในการ ใช้น้ำส้มควันไม้

1.ก่อนนำน้ำส้มควันไม้ไปใช้ต้องทิ้งไว้จากการกักเก็บก่อนอย่างน้อย 3 เดือน
2.เนื่องจากน้ำส้มควันไม้มีความเป็นกรดสูง ควรระวังอย่าให้เข้าตาอาจทำให้ตาบอดได้
3.น้ำส้มควันไม้ไม่ใช่ปุ๋ยแต่เป็นตัวเร่งปฎิกิริยา ดังนั้นการนำไปใช้ทางการเกษตรจะเป็นตัวเสริมประสิทธิภาพ
ให้กับพืชแต่ไม่สามารถใช้แทนปุ๋ยได้
4.การใช้เพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และแมลงในดิน ควรทำก่อนเพาะปลูกอย่างน้อย 10 วัน
5.การนำน้ำส้มควันไม้ไปใช้ต้องผสมน้ำให้เจือจางตามความเหมาะสมที่จะนำไปใช้
6.การฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้ เพื่อให้ดอกติดผล ควรพ่นก่อนที่ดอกจะบาน หากฉีดพ่นหลังจากดอกบานแมลงจะไม่เข้า
มาผสมเกสร เพราะกลิ่นฉุนของน้ำส้มควันไม้และดอกจะร่วงง่าย

เตาเผาถ่าน 200 ลิตร

เตาเผาถ่าน 200 ลิตร เป็นเตาที่มีประสิทธิภาพสูง เตาประเภทนี้อาศัยความร้อนไล่ความชื้นในเนื้อไม้
ที่มีอยู่ในเตา ทำให้ไม้กลายเป็นถ่าน หรือเรียกว่า กระบวนการคาร์บอนไนเซชั่น
นอกจากนี้โครงสร้างลักษณะปิดทำให้สามารถควบคุมอากาศได้ จึงไม่มีการลุกติดไฟของเนื้อไม้ ผลผลิตที่ได้จึง
เป็นถ่านที่มีคุณภาพ ขี้เถ้าน้อยและผลพลอยได้จากกระบวนการเผาถ่าน อีกอย่างหนึ่งคือ น้ำส้มควันไม้ที่สามารถ
นำไปใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตรได้

การนำไม้เข้าเตาเผาถ่าน

1.นำไม้ที่ต้องการเผาถ่าน มาจัดแยกกลุ่ม
ตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของไม้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
-ขนาดเล็ก
-ขนาดกลาง
-ขนาดใหญ่
2.เรียงไม้ที่มีขนาดเล็กไว้ด้านล่างของเตา
ขนาดใหญ่ไว้ด้านบน โดยวางทับไม้หมอนยาวประมาณ
30-40เซนติเมตร การเรียงไม้นี้มีความสำคัญมาก
เนื่องจากอุณหภูมิในเตา ขณะเผาถ่านไม่เท่ากัน
โดยอุณหภูมิด้านล่างเตาจะต่ำ
ส่วนอุณหภูมิที่อยู่ด้านบนเตาจะสูงกว่า

ขั้นตอนการเผาถ่าน

ช่วงที่ 1 ไล่ความชื้น หรือคายความร้อน

เริ่มจุดไฟเตา บริเวณที่อยู่หน้าเตา ใส่เชื้อเพลิงให้ความร้อนกระจายเข้าสู่เตาเพื่อไล่อากาศเย็นและ
ความชื้นที่อยู่ในเตาและในเนื้อไม้ ควันที่ออกมาจากปล่องควันจะเป็นสีขาว ควันจะมีกลิ่นเหม็น ซึ่งเป็น
กลิ่นของกรดประเภทเมธาทอลที่อยู่ในเนื้อไม้ อุณหภูมิบริเวณปากปล่องควันประมาณ 70 - 75 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิภายในเตาประมาณ 150 องศาเซลเซียส ใส่เชื้อเพลิงต่อไป ควันสีาวตรงปล่องควันจะเพิ่มขึ้น
อุณหภูมิบริเวณปากปล่องควันประมาณ 70-75 องศาเซลเซียส อุณหภูมิภายในเตาประมาณ
200-250 องศาเซลเซียส ควันมีกลิ่นเหม็นฉุน

ช่วงที่ 2 เมื่อไม้กลายเป็นถ่าน หรือ ปฏิกิริยาคลายความร้อน

เมื่อเผาไปอีกระยะหนึ่ง ควันสีขาวจะเริ่มบางลง และเปลี่ยนเป็นสีเทา อุณหภูมิบริเวณปากปล่องควัน
ประมาณ 80-85 องศาเซลเซียส อุณหภูมิภายในเตาประมาณ 300-400 องศาเซลเซียส ไม้ที่อยู่ในเตา
จะคายความร้อนที่สะสมเอาไว้เพียงพอที่จะทำให้อุณหภูมิในเตาจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงนี้ค่อยๆ ลดการป้อน
เชื้อเพลิงหน้าเตาจนหยุดการป้อนเชื้อเพลิง และเริ่มเก็บน้ำส้มควันไม้ หลังจากการหยุดการป้อนเชื้อเพลิง
หน้าเตา จะต้องควบคุมอากาศโดยการหรี่หน้าเตาหรือลดพื้นที่หน้าเตาลงให้เหลือช่องพื้นที่หน้าเตา
ประมาณ 20-30 ตารางเซนติเมตร สำหรับให้อากาศเข้า เพื่อรักษาระดับของอุณหภูมิในเตาไว้ให้นานที่สุด
และยืดระยะเวลาการเก็บน้ำส้มควันไม้ให้นานที่สุด โดยช่วงที่เหมาะสมกับการเก็บน้ำส้มควันไม้ควรมีอุณหภูมิ
บริเวณปากปล่องควัน ประมาณ 85-120 องศาเซลเซียส เนื่องจากเป็นช่วงที่สารในเนื้อไม้ถูกขับออกมา
จากนั้นควันก็เปลี่ยนจากควันสีเทาเป็นสีน้ำเงิน จึงหยุดเก็บน้ำส้มควันไม้ อุณหภูมิบริเวณปากปล่องควัน
ประมาณ 100-200 องศาเซลเซียส อุณหภูมิภายในเตาประมาณ 400-450 องศาเซลเซียส

ช่วงที่ 3 ช่วงทำถ่านให้บริสุทธิ์

ขั้นตอนนี้เป็นช่วงที่ไม้จะเปลี่ยนเป็นถ่าน ต้องทำการเพิ่มอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว โดยการเปิดหน้าเตา
ประมาณ 1 ใน 3 ของหน้าเตาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เมื่อควันสีน้ำเงิน เป็นเสีฟ้า แสดงว่าไม้เริ่มเป็นถ่านใกล้หมด
จากนั้นควันสีฟ้าอ่อนลงและจะกลายเป็นควันใสแทน เมื่อมีควันใสเริ่มทำการปิดหน้าเตา โดยใช้ดินเหนียวปิดรอยรั่ว
และรอยต่อ จากนั้นทำการปิดปล่องควันให้สนิทและอุดรูรั่วทั้งหมด ไม่ให้อากาศภายนอกผ่านเข้าไปได้

ช่วงที่ 4 ช่วงทำการให้ถ่านในเตาเย็นลง

เกลี่ยดินบนเตาออกให้เห็นหลังเตา เพื่อระบายความร้อนในเตา จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน
หรือประมาณ 8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เพื่อให้ถ่านดับสนิท แล้วจึงเริ่มการเปิดเตาเพื่อนำถ่านออกจากเตา และนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป